บทความนี้จะแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่หรือผู้ปกครองเห็นว่า ซื้อประกันอะไรให้ลูกดี การวางแผนประกันสำหรับเด็ก การเลือกซื้อประกันสำหรับลูกน้อยไม่เพียงแต่เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งแต่ยังเป็นการลงทุนที่สำคัญที่จะมุ่งเน้นให้ลูกของท่านมีอนาคตที่มั่นคงและปลอดภัย
เราจึงมีคำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกวางแผนแบบประกันต่างๆที่มีประโยชน์และเหมาะสมสำหรับลูกน้อยและความต้องการของครอบครัว
เรื่องควรรู้เกี่ยวกับประกันเด็ก
เนื่องจากเด็กมีโอกาสป่วยด้วยโรคต่างๆ มากกว่าในวัยผู้ใหญ่ และโรคฮิตต่างๆในเด็กนั้น ติดต่อกันง่ายมาก เช่น ไข้หวัด มือเท้าปาก RSV ไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น และค่ารักษาพยาบาลในการแอดมิทแต่ละครั้งนั้นค่อนข้างสูงเป็นหลักหมื่นถึงหลักแสน หากครอบครัวไม่ได้มีเงินสำรองฉุกเฉินสำหรับเรื่องนี้ไว้ ประกันเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด
การเลือกประกันสำหรับเด็กเป็นเรื่องสำคัญที่ช่วยให้คุณมั่นใจในการปกป้องเงินเก็บไว้ให้ลูกและสร้างทางเลือกในการรักษาสุขภาพอนาคตของลูกของคุณในทุกสถานการณ์ ดังนั้น ผู้ปกครองควรพิจารณาข้อดีและความเหมาะสมของประกันกับความต้องการและงบประมาณของครอบครัวของคุณดังนี้:
เลือกประกันที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณและลูกของคุณ เช่น ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ หรือประกันอื่นๆ ที่มีความจำเป็นและให้ความคุ้มครองครอบคลุมที่สุด
ทำความเข้าใจเงื่อนไขและขอบเขตของความคุ้มครอง เช่น ระยะเวลาคุ้มครอง ข้อยกเว้น และเงื่อนไขในการเรียกร้องเคลมประกัน
ตรวจสอบว่าประกันมีวงเงินในการจ่ายเงินค่ารักษาพยาบาลให้ครอบครัวของคุณในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินหรือปัญหาสุขภาพอื่นๆ อย่างเพียงพอหรือไม่
ตรวจสอบค่าเบี้ยประกันว่าเหมาะสมกับงบประมาณของครอบครัวของคุณหรือไม่ หากคุณไม่สามารถชำระเบี้ยต่อได้ ทำให้ลูกของคุณขาดความคุ้มครองและการเริ่มทำประกันใหม่ อาจจะมีเบี้ยและความคุ้มครองที่ไม่เหมือนเดิม
เลือกบริษัทประกันที่เชื่อถือได้และมีประวัติการบริการที่ดี โดยการทำความเข้าใจเกี่ยวกับการส่งเสริมการขาย การจ่ายค่าเคลม และบริการหลังการขาย
ตรวจสอบว่าประกันมีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนแผนในกรณีที่ความต้องการของคุณหรือสถานการณ์ของครอบครัวเปลี่ยนแปลง
การเลือกประกันสำหรับเด็กคือการตัดสินใจที่สำคัญในการดูแลสุขภาพและอนาคตของลูกของคุณ ดังนั้น ควรใช้เวลาในการวิเคราะห์ ปรึกษาตัวแทนและเลือกประกันที่เหมาะสมที่สุดสำหรับครอบครัวของคุณ
ในตลาดประกันสุขภาพเด็ก พ่อแม่มีตัวเลือกจากหลายบริษัทประกันเจ้าดัง ทำให้บางทีก็จะสับสน ปวดหัวจะเอายังไงดี เพราะ ปัจจัยในการเลือกนั้นจะมีหลากหลาย เช่น เบี้ยราคาถูก ถูกใจการบริการของตัวแทน คนรอบข้างแนะนำ บริษัทมั่นคง เป็นต้น
บริษัททุกบริษัทมีความตั้งใจออกแบบประกันมาให้ตอบโจทย์ลูกค้ามากที่สุด แต่ไม่ใช่ทุกบริษัทที่จะสามารถแบกรับภาระค่าใช้จ่ายใจการเคลมที่สูงได้ตลอดไป จึงมีบางบริษัทได้ทำการปรับเพิ่มเบี้ยประกัน หรือยกเลิกขายแผนประกันสำหรับเด็กไปในที่สุด
หลังจากประกันลูกน้อยถูกเพิ่มเบี้ยหรือถูกยกเลิกกรมธรรม์ ส่งผลประทบกับพ่อแม่ดังนี้
คำแนะนำจากประสบการณ์ที่ได้มาจากพ่อแม่ที่วางแผนประกันให้ลูก คือ
เรามีบริษัทที่อยากจะแนะนำ เพราะเป็นที่นิยมจากพ่อแม่หลายครอบครัว และได้รับการบอกต่อๆกัน บางบริษัทก็เป็นทางเลือกให้กับพ่อแม่ที่ลูกน้อยมีปัญหาสุขภาพมาก่อน ดังนั้นเราจึงอยากสร้างทางเลือกให้กับคุณเพื่อให้คุณได้วางแผนประกันให้กับลูกน้อยอย่างเหมาะสม
ประกันเด็กเอไอเอมี 3 ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับเด็ก ได้แก่ H&S Extra, Health Saver และ Health Happy
ประโยชน์:
ธนชาตประกันภัยสำหรับเด็ก PA for Child เป็นประกันอุบัติเหตุที่คุ้มครองรวมถึงการเจ็บป่วยโรคยอดฮิตในเด็ก 4 โรคคือ RSV ไข้หวัดใหญ่ ไข้เลือดออก มือเท้าปาก รับสมัครสำหรับเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไป
ประโยชน์:
พ่อแม่หลายคนประสบปัญหานี้เมื่อต้องการซื้อประกันให้ลูก แต่ช่วงนี้ลูกมีปัญหาระบบทางเดินหายใจ เช่น โควิด, RSV, หลอดลมอักเสบ หรืออื่นๆ บริษัทประกันส่วนใหญ่จะไม่อนุมัติประกันหรือจะไม่คุ้มครองระบบทางเดินหายใจหากเด็กมีปัญหาเกี่ยวกับปอด
หากเด็กมีอาการป่วยทางเดินหายใจภายใน 6 เดือน บริษัทจะ:
บริษัทประกันมีแนวปฏิบัติที่คล้ายกันในการอนุมัติการประกันโรคระบบทางเดินหายใจ นั่นหมายความว่าหากลูกของคุณถูกปฏิเสธการประกันจากบริษัทประกันรายหนึ่ง ก็มีแนวโน้มมากที่บริษัทประกันทั้งหมดก็จะปฏิเสธเช่นกัน ดังนั้นควรปรึกษาตัวแทน โดยตัวแทนจะแนะนำให้เว้นระยะการขอสมัครอีกครั้ง
ได้ ขึ้นอยู่กับแต่ละกรณี แต่สามารถทำได้ หากลูกน้อยในระหว่างที่ถือกรมธรรม์ในระยะ 1 ปี ไม่เคยป่วยเกี่ยวกับโรคทางเดินหายใจอีกเลย สามารถทำเรื่องเข้ามาขอปลดล็อคได้ เพื่อให้กรมธรรม์คุ้มครองทุกโรค แนะนำให้ปรึกษาตัวแทนและให้ตัวแทนช่วยดำเนินการให้
นี่อาจเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากสำหรับผู้ปกครอง แต่สิ่งสำคัญคือต้องรู้ว่าเด็กๆ ในปัจจุบันมีอาการเจ็บป่วยหลายประเภท ไม่ใช่แค่โรคระบบทางเดินหายใจเท่านั้น
เช่น:
ยังมีโรคอื่นๆ อีกมากมาย โดยเฉพาะหากลูกของคุณไม่ได้รับการฉีดวัคซีน
เช่น:
จากประสบการณ์ของเรา การประกันภัยยังคงคุ้มค่าเสมอ แม้ว่าจะไม่ได้คุ้มครองระบบทางเดินหายใจก็ตาม เพราะหากเราจะไปเริ่มรอให้ลูกหายดีและค่อยสมัครประกันอีก ก็จะเพิ่มระยะรอคอยไปเรื่อยๆ หากโชคร้ายลูกเป็นโรคอื่นเพิ่มเติมอีกในระหว่างนั้น การสมัครประกันก็จะยากขึ้นและอาจจะยกเว้นโรคที่เกิดขึ้นอีกได้ ดังนั้นควรทำประกันเมื่อร่างกายแข็งแรงดีที่สุดค่ะ เพื่อที่จะได้ความคุ้มครองครองทุกด้าน
ธรรมชาติของเด็กคือการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆตลอดเวลา และอยู่ในวัยที่ซน ชอบปีนป่าย ทดลองสิ่งต่างๆด้วยตัวเอง ทำให้มีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุได้เสมอและบ่อยครั้ง ดังนั้นหากมองว่าประกันสุขภาพไม่ได้จำเป็นสำหรับลูก อย่างน้อยควรมีประกันอุบัติเหตุเผื่อไว้ให้ลูกน้อยเพื่อให้ได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลได้ทุกโรงพยาบาล เป็นทางเลือกให้กับลูกน้อยให้ได้รับการรักษาให้เร็วที่สุด
ข้อดีของประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล (PA):
แบบประกันสำหรับเด็กนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการวาแผนออมเงินให้ลูกในรูปแบบประกันสะสมทรัพย์หรือแบบออมทรัพย์ พร้อมมีการคุ้มครองชีวิตไปพร้อม ๆ กัน ข้อดีคือการมีประกันนั้นไม่ได้มีไว้เพื่อถอนใช้ ทำให้มีสิ่งที่ช่วยบังคับในการเก็บเงินเพื่ออนาคตของลูกได้ ยิ่งเริ่มต้นทำเร็วมากเท่าใดก็ยิ่งเป็นผลดี เพราะสามารถเก็บเงินสะสมไว้ให้ลูกได้ในอนาคต
รายละเอียดจุดเด่นแบบประกัน
รายละเอียดจุดเด่นแบบประกัน
แบบประกันนี้ไม่ใช่แบบประกันสำหรับเด็ก แต่เป็นแบบประกันของพ่อแม่ที่ทำเพื่อลูก
จะดีกว่ามั้ย หากคุณเป็นอะไรไป ลูกจะได้เรียนจบอย่างที่คุณตั้งใจ พ่อแม่คือเสาหลักของลูกคือผู้ที่ทำงานหาเงินเข้ามาในครอบครัวและส่งเสียลูกเรียน แต่บางครั้งคุณอาจจะลืมนนึกถึงเหตุการณ์ไม่คาดฝันว่าหากไม่มีคุณซักคน ลูกคุณอาจจะไม่ได้เรียนต่อในที่ดีๆ เพียงเพราะขาดเสาหลักในครอบครัว ดังนั้นคุณควรวางแผนประกันชีวิต ให้เหมาะสมกับค่าเล่าเรียน ค่าใช้จ่ายของลูกน้อยของคุณ
การกำหนดทุนประกันชีวิต อาจจะกำหนดจากค่าเล่าเรียนทั้งหมดของลูกทั้งชีวิตจนจบปริญญาตรี หรือตามความต้องการของพ่อแม่ ค่าเล่าเรียนก็จะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับโรงเรียนที่เข้าเรียน เช่น โรงเรียนนานาชาติ โรงเรียนเอกชน โรงเรียนรัฐบาล
เลือกแบบประกันชีวิตแบบไหนดี
แบบประกันชีวิตควบการลงทุน หรือ Unit Linked ยูนิตลิ้งค์ เป็นแบบประกันที่กำลังเริ่มได้รับความนิยม อาจจะไม่ใช่ทุกคนที่เคยได้ยิน เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความซับซ้อน แต่มีความยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนทุนประกันได้ ถอนเงินระหว่างทางได้ top up เติมเงินเพื่อลงทุนในกองทุนเพิ่มได้ ซึ่งเหมาะกับการวางแผนระยะยาวให้ลูก หากลูกคุณโตขึ้นเรื่อยๆ คุณสามารถปรับทุนชีวิตให้ต่ำลงตามความจำเป็นของลูกได้ ค่าเบี้ยไม่แรง
แบบประกันนี้เป็นที่นิยม เพราะมีระยะเวลาจ่ายเบี้ย 10 15 20 ปี แต่คุ้มครองถึงอายุ 99 ปี แม้ว่าลูกจะเติบโต เรียนจบแล้วแต่เงินนี้ก็สามารถเป็นเงินส่งต่อมรดกให้กับลูกหลานต่อไปได้
เป็นแบบประกันที่ค่าเบี้ยถูกที่สุด ให้ความคุ้มครองตามจำนวนปีที่เลือก คือ 5 10 15 20 ปี เหตุผลที่เบี้ยถูกเนื่องจากไม่มีมูลค่าเวนคืน จ่ายเบี้ยเพื่อความคุ้มครองชีวิตเท่านั้น
การทำประกันชีวิตของทุกแบบจะมีการถามคำถามสุขภาพ หากคุณพ่อคุณแม่มีประวัติสุขภาพอาจจะส่งผลให้เบี้ยประกันเพิ่มสูงขึ้นตามอัตราความเสี่ยงด้านสุขภาพ แต่อย่างไรก็ตามเบี้ยก็ยังถูกกว่าความคุ้มครองที่ได้อยู่ดี ดังนั้นหากยังมีสุขภาพที่ดี ควรเริ่มวางแผนให้ลูกน้อยตั้งแต่วันนี้ค่ะ
ผู้ปกครองควรศึกษาแบบประกันและเงื่อนไขให้ละเอียด สามารถนำแบบประกันจากหลายๆบริษัทมาเปรียบเทียบ หรือแม้แต่การเลือกตัวแทนที่จะคอยมาเป็นที่ปรึกษาให้เราและประสานงานแทนเรา คุณพ่อคุณแม่สามารถยึดหลักความพอใจ สะดวกใจและคำนวณแล้วว่าไม่กรมธรรม์ที่จะทำไม่สร้างภาระในปัจจุบันและอนาคต แต่เป็นการวางแผนเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายทางการเงินให้กับครอบครัวและประโยชน์ของลูกน้อยเป็นหลัก
ตอบ หากกรมธรรม์เป็นชื่อลูก จะไม่สามารถนำมาใช้ลดหย่อนภาษีได้
บางบริษัทประกันจะรับสมัครเมื่อลูกน้อยอายุครบ 15 วัน บางบริษัทจะรับสมัครเมื่อลูกน้อยอายุครบ 1 เดือนขึ้นไป ควรทำให้เร็วที่สุดที่จะทำได้
บริษัทประกันส่วนใหญ่รับสมัครเมื่อลูกอายุครบ 15 วัน เช่นบริษัทเอไอเอ บางบริษัทรับสมัครตอนลูกอายุครบ 1 เดือนขึ้นไป และบริษัทประกันบางแห่งเสนอเฉพาะแพ็คเกจประกันสำหรับเด็กอายุ 1 ปีขึ้นไป เช่น ที่ธนชาตประกันภัย
เนื่องจากต้องใช้หลักฐานในการสมัครคือ สูติบัตรของเด็ก และต้องมีการเช็คว่าลูกน้อยมีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง หรือหากมีโรคประจำตัวต้องแจ้งในใบสมัครด้วย
ได้ แต่อาจะต้องแถลงประวัติการรักษาเพื่อให้บริษัทพิจารณาอีกครั้ง
ซึ่งสามารถอ่านบทความนี้ด้านบน ซึ่งเราจะพูดถึงเรื่องการประกันสำหรับเด็กที่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจ
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือทำประกันก่อนที่ลูกจะป่วย ซึ่งจะทำให้บริษัทประกันไม่ละเว้นการเจ็บป่วย
โดยปกติคือเร็วที่สุดที่บริษัทประกันรับสมัคร
แต่หากประเมินแล้วว่าลูกมีความเสี่ยงน้อยในการเจ็บป่วย ด้วยความดูแลของพ่อแม่ ไม่ได้ออกจากบ้านบ่อยหรือมีโอกาสรับเชื้อโรคจากคนหรือสิ่งภายนอกน้อย ก็อาจจะเลือกกซื้อประกันก่อนลูกเข้าโรงเรียน โดยวางแผนไว้ก่อนซัก 1-2 เดือนก่อน
เพราะประกันสุขภาพนั้นมีระยะรอคอย 30 วัน หากป่วยในระหว่าง 30 วันแรกจะยังสามารถเคลมได้ หรือหากอาการหนักมาก ประกันอาจจะไม่คุ้มครองหลังจากนั้น เนื่องจากเห็นว่าอาจจะเป็นโรคที่เป็นมาก่อนทำประกันได้ ดังนั้นควรวางแผนให้ดีๆ